วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

The shard london


เดอะชาร์ด (อังกฤษThe Shard) หรือมีชื่อก่อนหน้านี้ว่า Shard London BridgeLondon Bridge Tower[3][4]และ Shard of Glass เป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีความสูงเหนือพื้นดิน 309.6 เมตร จำนวนชั้นทั้งหมด 72 ชั้น เดอะชาร์ดเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 และเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร รองจากหอโทรคมนาคมเอ็มเลย์มัวร์ที่มีความสูง 330 เมตร พื้นที่ของเดอะชาร์ดเดิมเป็นที่ตั้งของอาคารซัทเธิร์ค (Southwark Towers) ที่มีความสูง 24 ชั้น ก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ก่อนจะถูกรื้อถอนเมื่อปี ค.ศ. 2008[7] เพื่อสร้างเดอะชาร์ดขึ้นแทน
ตึกระฟ้าแห่งนี้มีความสูง 72 ชั้น โดยชั้นที่ 72 ทำเป็นระเบียงตากอากาศใช้สำหรับชมทัศนียภาพของกรุงลอนดอน ที่ความสูง 245 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณชมทิวทัศน์ที่อยู่สูงที่สุดของสหราชอาณาจักร[8] เดอะชาร์ดถูกออกแบบให้มีรูปทรงเป็นทรงพีระมิดไม่สม่ำเสมอ (irregular pyramidal) ที่ติดกระจกทั้งหลัง
เดอะชาร์ดเริ่มเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และมีกำหนดการเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556[9][10]

Big Ben


หอเอลิซาเบธ (Elizabeth Tower) (ก่อนหน้านี้เรียกว่า หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Clock Tower, Palace of Westminster)) หรือรู้จักดีในชื่อ บิ๊กเบน เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic) ชื่อหอเอลิซาเบธตั้งขึ้นเพื่อฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก หรือพระราชพิธีมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง
หลายคนเข้าใจว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อหอนาฬิกาประจำรัฐสภาอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว บิ๊กเบนเป็นชื่อเล่นของระฆังใบใหญ่ที่สุด หนักถึง 13,760 กิโลกรัม ซึ่งแขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ทั้งนี้มีระฆังรวมทั้งสิ้น 5 ใบ โดย 4 ใบจะถูกตีเป็นทำนอง ส่วนบิ๊กเบนจะถูกตีบอกชั่วโมงตามตัวเลขที่เข็มสั้นชี้บนหน้าปัดนาฬิกา ทว่าคนส่วนใหญ่กลับใช้ชื่อบิ๊กเบนเรียกตัวหอทั้งหมด
บางทีมักเรียกหอนาฬิกานี้ว่า หอเซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Tower) หรือหอแห่งบิ๊กเบน (Tower of Big Ben) ซึ่งที่จริงแล้วชื่อหอเซนต์สตีเฟนคือชื่อของหอในพระราชวังอีกหอหนึ่งซึ่งใช้เป็นทางเข้าไปอภิปรายในสภา ในเวลาต่อมา รัฐสภาอังกฤษได้มีมติให้ตั้งชื่อหอนาฬิกานี้ว่า หอเอลิซาเบธ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ปัจจุบันภายในหอนาฬิกาไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม เว้นแต่สำหรับผู้ที่อาศัยในประเทศอังกฤษ จะต้องทำเรื่องขอเข้าชมผ่านสมาชิกรัฐสภาอังกฤษประจำท้องถิ่นของตน ถ้าเป็นเด็กต้องมีอายุเกิน 11 ปี จึงจะเข้าชมหอได้ สำหรับชาวต่างประเทศนั้นไม่อนุญาตให้ขึ้นไปทั้งนี้ผู้ชมต้องเดินบันได 334 ขั้นขึ้นไปเพราะไม่มีลิฟต์

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

London Bridge

สะพานลอนดอน


สะพานลอนดอน (อังกฤษLondon Bridge) เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างนครหลวงลอนดอนและซัทเธิร์คในลอนดอนข้ามแม่น้ำเทมส์ ตั้งอยู่ระหว่างสะพานรถไฟแคนนอนสตรีท และ สะพานทาวเออร์ ทางด้านใต้ของสะพานเป็นที่ตั้งของมหาวิหารซัทเธิร์คและสถานีสะพานลอนดอน ทางด้านเหนือเป็นอนุสาวรีย์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอนและสถานีแบ้งค์และมอนิวเมนท์
สะพานลอนดอนเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์สะพานเดียวทางตอนใต้ของคิงสทันอัพพอนเทมส์จนกระทั่งเมื่อสะพานพัทนีมาเปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1729สะพานปัจจุบันเปิดใช้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1973และเป็นสะพานล่าสุดของสะพานหลายสะพานที่สร้างขึ้นตรงจุดเดียวกันนี้ก่อนหน้านั้น[1]
สะพานเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวง A3 ที่บำรุงรักษาโดยสำนักงานนครลอนดอนและปริมณฑล(Greater London Authority) [2] แต่ตัวสะพานเองเป็นของ Bridge House Estates ซึ่งเป็นองค์การกุศลอิสระภายใต้การบริหารของบริษัทนครหลวงลอนดอน(City of London Corporation) บริเวณระหว่างสะพานลอนดอนและสะพานทาวเออร์ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำเทมส์เป็นเขตปรับปรุงธุรกิจ (business improvement district (BID)) ที่บริหารโดย Team London Bridge[3]
สะพานทาวเออร์มักจะเข้าใจผิดและเรียกกันว่า “สะพานลอนดอน”

London Eye


ลอนดอนอาย (อังกฤษLondon Eye) หรือยังรู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (อังกฤษMillennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร (443 ฟุต) และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากในสหราชอาณาจักร มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ส่วนบัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 15ปอนด์ต่อคน ซึ่งในอดีตเคยเป็นชิงช้าสวรรค์ก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกชิงตำแหน่งไปจากชิงช้าสวรรค์เดอะ สตาร์ ออฟ นานชาง ในประเทศจีน (160 เมตร) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 ต่อมาภายหลังตำแหน่งตกเป็นของ สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ในประเทศสิงคโปร์ (165 เมตร) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 อย่างไรก็ตาม ลอนดอน อาย ก็ยังคงได้รับตำแหน่งจากการให้บริการว่า "ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก" (เพราะการโครงสร้างทั้งหมดใช้โครงค้ำเหล็กรูปตัว A ในการให้บริการโดยใช้โครงค้ำเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้นไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์อื่นๆ ทั่วไป ที่มีโครงค้ำสองข้าง)
ลอนดอน อาย ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโดมแห่งการค้นพบ ที่เคยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานนิทรรศการเฟสติวัล ออฟ บริเตน ในปี ค.ศ. 1951



วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Jack The Ripper

ฆาตกรปริศนาของโลก

 
แจ็กเดอะริปเปอร์ (อังกฤษ: Jack the Ripper) เป็นสมญาของฆาตกรต่อเนื่องที่ออกทำฆาตกรรมในย่าน "ไวต์ชาเปล" ซึ่งเป็นถิ่นยากจนใกล้นครลอนดอนในช่วงครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1888 ชื่อสมญาได้มาจากข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ลงข่าวจดหมายลึกลับที่เขียนถึงสำนักข่าวกลางโดยผู้เขียนที่อ้างตนว่าเป็นฆาตกร ถึงแม้จะมีการสืบสวนและมีทฤษฎีที่น่าเชื่อถือมากมาย แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรได้เลย
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับฆาตกรแจ็กเดอะริปเปอร์ได้กลายเป็นขนมผสมน้ำยา ระหว่างการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจังทางประวัติศาสตร์ ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและนิทานพื้นบ้าน การขาดหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดทำให้เกิดมีคำว่า "นักริปเปอร์วิทยา" มาใช้เรียกนักประวัติศาสตร์และนักสืบสมัครเล่นที่ศึกษาคดีอันโด่งดังนี้เพื่อกล่าวหาหรือพาดพิงถึงบุคคลต่าง ๆ ว่าคือตัวริปเปอร์ หนังสือพิมพ์ซึ่งมียอดขายเพิ่มสูงมากในช่วงนี้โทษว่าเป็นเพราะความล้มเหลวของตำรวจที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ทำให้ฆาตกรฮึกเหิมได้ใจและท้าทาย เหตุการณ์จึงเกิดต่อเนื่องเรื่อยมา ในบางครั้งตำรวจมาถึงที่เหตุเกิดเพียง 2-3 นาที แต่กลับไม่ได้ตัวคนร้าย
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่ออกหาเงินเป็นครั้งคราวด้วยการเป็นโสเภณี ฆาตกรรมส่วนใหญ่เกิดในที่สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ เหยื่อทุกรายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ คาดกันว่าเหยื่อจะถูกรัดคอให้เงียบเสียงก่อนลงมือฆ่า มีหลายกรณีที่มีการตัดอวัยวะภายในออก จึงมีผู้อนุมานว่าฆาตกรอาจเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ก็คนขายเนื้อ ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้